วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สารอันตรายในบุหรี่


สารอันตรายในบุหรี่

ซึ่งในบุหรี่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายกว่า 4000 ชนิด โดยเป็นสารก่อมะเร็งกว่า 60 ชนิด 
ซึ่งสารในบุหรี่ล้วนแล้วแต่เป็นสารพิษที่ทำร้ายร่างกายของผู้สูบรวมถึงคนรอบข้าง

เรามาดูตัวอย่าง 7 สารอันตราย จาก 4000 สารอันตรายที่อยู่ในบุหรี่ กัน...


1. TAR หรือ น้ำมันดิบ : น้ำมันทาไม้กันปลวก

2. ไฮโดรเจนไดออกไซด์ : ก๊าซพิษที่ใช้ในอาวุธสงคราม

3. ไนโตรเจนไดออกไซด์ : ก๊าซเผาไหม้เชื้อเพลิง

4.แอมโมเนีย : ตัวก่อประกายไฟและจุดระเบิด

5. ไฮไดรเจนไซยาไนต์ : พบในยาเบื่อหนู

6. คาร์บอนมอนนอกไซด์ : ก๊าซจากท่อไอเสียรถ

7. สารกัมมันตรังสี : สารประกอบระเบิดนิวเคลียร์





Source : www.facebook.com/thaihealthcenter
ที่มา: http://campus.sanook.com/1359250

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 ความจริงของ Iron Man เหล่านี้ คุณรู้แล้วหรือยัง?(ไทย/En)


กับเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ ทำให้ Iron Man 3 เพียงแค่เปิดตัววันแรกก็กอบโกยรายได้มากถึง 47 ล้านบาท ขึ้นอันดับหนึ่งทั่วเอเชีย ทุบสถิติ The Avengers มาแล้ว รวมทั้งยังมีคนต่อคิวรอดูกันอีกมากมาย จนแทบจะทำให้คนที่พลาดหนังเรื่องนี้คุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว




ซึ่งกว่าจะเป็นหนังยอดฮิตแบบนี้ได้ Iron Man ยังมีความจริงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมากมายที่แฟนตัวจริงควรรู้ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวม 10 ความจริงของ Iron Man จากเว็บไซต์ ELITE TODAY มาฝากเพื่อน ๆ กันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นใครที่มั่นใจว่าเป็นแฟนตัวจริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ลองมาอ่านกันเลย

10. โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เกือบไม่ได้บทนี้ซะแล้ว / Robert Downey Jr almost didn’t get the part for “Iron Man.”

แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่จะนึกภาพคนอื่นมาสวมบทบาทนี้นอกจาก โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีดาราชื่อดังถูกทาบทามให้เล่นบทนี้มาก่อนแล้วถึง 2 คน ซึ่งก็คือ ทอม ครูซ (Tom Cruise) และ นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) แต่หนุ่ม ทอม ครูซ ไม่คิดว่าบทนี้จะเหมาะกับตัวเองเท่าไหร่จึงปฏิเสธไป ในขณะที่ นิโคลัส เคจ ติดงานอื่น ทำให้มันตกเป็นของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ อย่างทุกวันนี้นั่นเอง ..............  It’s hard to even think or picture anyone else filling the role of Iron Man, but Tom Cruise and Nicolas Cage were both considered for the role before Robert Downey Jr was. Tom Cruise, however, turned it down because he wasn’t a big fan of the script. Nicolas Cage was also approached for the role, and showed some interest as early as in 1997, but because of his busy schedule and the producers’ skepticism over whether or not he’d fit the role, they decided to go with Robert Downey Jr to play the leading character, Tony Stark.

9. ที่มาของชื่อ Jarvis คอมพิวเตอร์/ Jarvis really stands for ”Just a Rather Very Intelligent System.”

ไม่ว่าใครที่เคยดู Iron Man มาแล้ว ต้องคุ้นกับระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชื่อว่า Jarvis นี้แน่นอน ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฮีโร่หนุ่มคนนี้เลยก็ว่าได้ แต่ที่จริงแล้วชื่อของมันกลับไม่ได้หรูหราอลังการแถมยังกวนนิด ๆ สมกับเป็นอุปกรณ์ของโทนี่เสียจริง ๆ โดยมันย่อมาจากคำว่า Just a Rather Very Intelligent System หรือ "แค่ระบบการทำงานยอดอัจฉริยะ" เท่านั้นเอง  ............... In the Iron Man films, J.A.R.V.I.S. is the name of Stark’s AI system that assists him in superhero-ing. It’s also an acronym for “Just a Rather Very Intelligent System.” Now if only Stark’s robotic lab assistant, Butterfingers, could just get some respect. He did, afterall, manage to save Stark’s ass in the most recent film. When Paul Bettany recorded his lines for Jarvis, it only took him two hours to do so and he had no idea which film he was working on.

8. กว่าจะเป็น Iron Man ได้ ร้อยล้านเหรียญก็ยังไม่พอ/ It would cost you more than $10 billion to be Iron Man.

รู้ ๆ กันอยู่ว่าฮีโร่ที่รวยที่สุดต้องมีชื่อ Iron Man ติดโผอยู่แน่นอน ซึ่ง Marvel ได้เผยข้อมูลออกมาแล้วว่าทรัพย์สินของฮีโร่คนนี้มีมูลค่าเท่าไหร่บ้าง และมันก็เป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว โดยชุดของเขามีราคาอยู่ที่ 123 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.6 พันล้านบาท), ทรัพย์สินอื่น ๆ เช่นคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์รบอีก 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.3 หมื่นล้านบาท), รวมกับรถทั้งหมด 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 100 ล้านบาท) เป็นเงินทั้งสิ้น 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.7 หมื่นล้านบาท)   .................  Tony Stark’s lifestyle is not cheap, but rather is quite expensive. Between his sick cars to one of the sickest houses that we have ever seen in cinema history, his extravagant lifestyle does not stop there. Money Supermarket managed to put together an infographic that details the cost of being Iron Man.

7. ปีนี้ Iron Man อายุ 50 แล้ว/Iron Man turns 50 this year.

นับแต่ปรากฏตัวในเรื่อง Tales of Suspense ตอนที่ 39 ช่วงสงครามเย็น ฮีโร่สุดเท่คนนี้ก็ถูกจับตาในฐานะผู้ต่อต้านคอมมิวนิสต์มาตลอด และต่อสู้กับเหล่าร้ายมามากมายรวมไปถึง Dr. Doom และ Skrulls อีกทั้งยังได้เป็นหนึ่งในทีมซูเปอร์ฮีโร่มากความสามารถ The Avengers ด้วย นับว่าเป็นผลงานที่ไม่เลว สำหรับฮีโร่ใกล้วัยเกษียนที่ตัวเลข 50 เลยทีเดียว Introduced in ‘Tales of Suspense’ #39 in 1963, at the height of the Cold War, Iron Man was first conceived as an anti-Communist hero. Over the years, he became increasingly dependent on technology to live, and also battled alcoholism in the famous ‘Demon in a Bottle’ storyline from the 1970s. Still, he’s been a member of the Avengers throughout most of his career and has battled everyone from Dr. Doom to the Skrulls. Not bad for a hero nearing retirement age.

6. ชุด Iron Man อาจเกิดขึ้นจริงในอนาคต/The Iron Man suit might soon become a reality.

บริษัทที่มีชื่อว่า Lockheed Martin เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่กำลังทำโครงการสร้างชุดเลียนแบบของ Iron Man ขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งชุดที่ใช้มีชื่อว่า Human Universal Load Carrier (HULC) มีแผนจะใช้ช่วยทหารขนอุปกรณ์น้ำหนักรวมอย่างน้อย 200 ปอนด์ ด้วยความเร็ว 10 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งหากสำเร็จเป็นไปตามแผนเมื่อไหร่ การขนอาหารและยา รวมถึงอาวุธระหว่างเดินทางคงสะดวกคงง่ายขึ้นอีกเยอะ ..............  A company by the name of Lockheed Martin is one of few companies in the process of developing a suit as technologically advanced as Iron Man’s. Their Human Universal Load Carrier (HULC) is meant to help soldiers carry loads of up to 200 pounds up to 10 MPH for prolonged periods of time. The first commercial sale of an exoskeleton for medical purposes occurred last September, which experts say could signal the start of an era where powered suits are available to anyone with the cash.

5. โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นหนึ่งในฮีโร่ที่แก่ที่สุด/Robert Downey Jr is one of the oldest superheroes.

ลองนึกดูสิ หนังฮีโร่ส่วนใหญ่ก็มักจะมีพระเอกหนุ่มหล่อวัยรุ่นดึงดูดสาว ๆ อยู่แล้ว อย่าง คริส อีแวนส์?? (Chris Evans), แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) และ คริส เฮมสเวิร์ธ (Chris Hemsworth) เป็นต้น ส่วน Iron Man คงไม่อาจพูดว่าเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ได้ เพราะ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr) เพิ่งฉลองอายุครบ 48 ปีไปหมาด ๆ นี่เอง แต่ยังไงซะ อายุก็ไม่ได้ทำให้หนุ่มคนนี้ดูหล่อเท่น้อยลงเลยสักนิดล่ะนะ   ............... Superhero movies tend to be dominated by younger actors like Chris Evans, Andrew Garfield and Chris Hemsworth. Downey turned 48 last month, making him one of the oldest actors to ever play a superhero. His age, however, doesn’t appear to hamper his crime fighting abilities.

4. โฮเวิร์ด ฮิวจ์ คือต้นแบบ/Tony Stark is based on Howard Hughes.

เคยสงสัยไหมว่าพระเอกมาดกวนอย่าง Iron Man นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากไหน ถึงได้ดูทั้งเท่และกวนประสาทผิดจากฮีโร่คนอื่น ๆ ซะขนาดนี้ คำตอบก็คือ เขามีต้นแบบมาจาก โฮเวิร์ด ฮิวจ์ (Howard Hughes) นั่นเอง โดย แสตน ลี (Stan Lee) ผู้สร้าง Iron Man กล่าวว่า เขาเป็นคนที่มีสีสันที่สุดแห่งยุคเลยก็ว่าได้ โดยเป็นทั้งนักประดิษฐ์, นักผจญภัย, มหาเศรษฐีพันล้าน และนักรักด้วยในเวลาเดียวกัน ...................    According to "Iron Man" creator Stan Lee, Stark was based on magnate Howard Hughes. Lee describes him as "one of the most colorful men of our time. He was an inventor, an adventurer, a multi-billionaire, a ladies’ man and finally a nutcase." For a significant portion of his life, Hughes displayed symptoms of obsessive-compulsive disorder. He once lived in a darkened screening room for four months, never leaving and even relieving himself in empty containers and bottles. Fortunately, that sort of thing has never made it into the "Iron Man" movies.

3. บ้านของโทนี่มูลค่าสูงถึง 117 ล้านเหรียญสหรัฐ/Iron Man’s fictional house would be valued at $117 million.

ตามข้อมูลที่เขียนขึ้นมาจากทาง Marvel นั้น บ้านที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของหนุ่ม โทนี่ สตาร์ค นั้นอยู่ในเมืองมาลิบู รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งจากที่เห็นในหนังแล้ว ความหรูหราอลังการก็คงทำให้หลาย ๆ คนนึกสงสัยในราคาของมันขึ้นมาบ้าง โดยจากการประเมินของโมโวโต เจ้าหน้าที่อสังหาริมทรัพย์ในชีวิตจริง ตีราคาให้บ้านที่ไม่มีจริงนี้ มีราคาอยู่ที่ 4,690 เหรียญสหรัฐ (ราว 139,000 บาท) ต่อ 25,000 ตารางฟุต รวมมูลค่า 117 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.4 พันล้านบาท) แพงลิบลิ่วสมกับเป็นบ้านของมหาเศรษฐีเสียจริง ๆ .. . . . . . ......  Based off the movie Starks house is presumably located in Malibu California. We can only wish that this marvelous home were actually real. A real estate agency known as Movoto managed to price the home at 25,000 square feet for 4,690 per square foot coming out to a whooping $117 million home.

2. แฟนพันธุ์แท้สร้างหุ่น Iron Man มาแล้ว/This crazy fan built the closet thing to an Iron Man suit.

ถ้าคุณคิดว่าตัวเองแน่ในฐานะแฟน Iron Man แล้ว คงต้องมาเจอกับ แอนโธนี ลี ครูฝึกสอนที่ฟิตเนสคนนี้ซะหน่อย เพราะเขาลงทุนสร้างชุดเกราะ Iron Man ขึ้นมาเองเลยทีเดียว และแม้มันจะไม่ได้มีพลังความสามารถเทียบเท่าของจริง (ก็แน่ล่ะ) แต่มันก็มีลูกเล่นเช่นเกราะบริเวณไหล่ รวมทั้งช่วงหลังที่เปิดปิดได้อยู่เหมือนกัน แบบนี้ถ้าแต่งไปประกวดคอสเพลย์แล้วไม่ชนะก็แปลกแล้วล่ะ ............. While we wait for real-life exoskeletons to become affordable, we’ll just have to content ourselves with this amazing fan-made armor created by fitness instructor Anthony Le. Le’s killer Iron Man suit has light up eyes, repulsors, a retractable mask, moving flight stabilizers, motorized shoulder weapons and jets that shoot out streams of CO2. We want one!

1. กว่าจะเป็นภาพยนตร์ใช้เวลาเกือบ 20 ปี/It took 20 years to make Iron Man.

ก่อน Iron Man จะได้ปรากฏบนจอภาพยนตร์อย่างทุกวันนี้ หนังที่สร้างจากการ์ตูนซึ่งมีตัวเอกเป็นอภิมหาเศรษฐีอัจฉริยะ โทนี่ สตาร์ค เคยมีโครงการจะสร้างเป็นหนังมาตั้งแต่ปี 1990 แล้ว โดยผ่านมือสตูดิโอมาถึง 4 ที่ และล้มเลิกไป จนทาง Marvel ตัดสินใจสร้างหนังขึ้นมาเองซะเลย ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจที่เวิร์คที่สุดจนทำรายได้มหาศาล ในขณะที่สตูดิโอที่เคยล้มเลิกคงนึกเสียดายอยู่แน่ ๆ......................Before Iron Man was on the big screen, he was just a character in Marvel’s comic book series. But a movie based on Tony Stark had been in development since 1990 and took 17 years to finally come to life. Four different studios passed on the project, so Marvel decided to produce it in-house. This was ultimately one of the smartest decisions the company has ever made.

เครดิต : http://elitedaily.com/
แหล่งที่มา : http://elitedaily.com/
และ http://www.toptenthailand.com/3566-top.html




วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เหตุผลที่ทำให้เว็บงาม ๆ ต้องตกอันดับ Search Engine


เหตุผลที่ทำให้เว็บงาม ๆ ต้องตกอันดับ Search Engine

ช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมาผมได้ทดลองค้นหาเว็บไซต์โดยใช้ Keyword หลากหลายประเภท แต่การค้นหาเว็บของเว็บต่าง ๆ ไปจากเดิม จากที่เคยคลิ๊กผลค้นหาใน 2- 3 หน้าแรก ผมทดลองคลิ๊กผลค้นหาในหน้า 10 ขึ้นไปดู ก็ได้พบเว็บไซตฺ์มากมายที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงามน่าดู แต่กลับต้องอยู่ในหน้าหลัง ๆ ของผลการค้นหาใน Seach Engine ซึ่งปัจจัยหลัก ๆที่เจอนอกจากจำนวน Inbound link หรือ link ที่เว็บอื่นทำลิ๊งก์มาหาเว็บนั้น ๆ) สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือการออกแบบเว็บที่ ดูไม่เป็นที่ต้องตา Search Engine หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Search-Engine-Friendly Design
ผมจึงขอสรุปปัญหาที่เว็บเหล่านั้นกำลังเผชิฺญอยู่มาออกมาเป็น ดังนี้

Frame เจ้าปัญหา

แม้ว่าการใช้เฟรมจะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถชมเว็บเพจที่มีเนื้อหายาว ๆ ได้โดยที่เมนูยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่การใช้เฟรมในการสร้างเว็บนั้นทำให้การแสดงลิ๊งก์ใน Search Engine ไม่สมบูรณ์
website using frame
จากรูปข้างบน จะเห็นว่า หน้าเว็บนี้ชื่อ frame.html ประกอบขึ้นด้วยหน้าเว็บ 3 เฟรมคือ 1. เฟรมที่เป็นเมนู(MenuFrame.html) 2. เฟรมบนซึ่งมักจะเป็นโลโก้ของเว็บ (HeadFrame.html) และ 3. เนื้อหาหลัก(maincontent.html) ซึ่่งทั้ง 3 เฟรมก็คือเว็บเพจ 3 ไฟล์นั่นเอง ซึ่งจะแสดงผลครบดังภาพ ผู้ชมจะต้องพิมพ์ Url ของเว็บหน้านั้นอย่างถูกต้องคือ frame.html
แต่สำหรับ Search Engine แล้วมันจะเก็บ URL ของแต่ละเฟรมไว้ และจะแสดงผลค้นหาออกมาเป็นเฟรมแยกต่างหากเช่นมันอาจจะแสดงไฟล์ MenuFrame.html หรือ HeadFrame.html หรือ maincontent.html ไฟล์ใดไฟล์หนึ่งหรือทั้งหมด ดังนั้น ผลค้นหาที่ผู้ค้นหาได้รับกลับเป็นหน้าเว็บที่ไม่สมบูรณ์ตามที่ผู้ออกแบบเว็บต้องการ อีกทั้ง Search Engine ก็ไม่ได้รับรายละเอียดของเว็บที่ถูกต้อง
google ได้แนะนำในเรื่องการใช้ frame ว่า
" Google supports frames to the extent that we can. Frames tend to cause problems with search engines, bookmarks, emailing links and so on, because frames don't fit the conceptual model of the web (every page corresponds to a single URL). If a user's query matches the page as a whole, Google returns the frame set. If a user's query matches an individual frame on the page, Google returns the URL for that frame. The page is not displayed in a frame because there may be no frame set corresponding to that URL " (จาก Google Information for Webmasters)
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้เสียทีเดียว การเลือกใช้ tag
" <noframe><body> เนื้อหา </body></noframe>"
เพื่อบอก Search Engine ว่าเว็บเพจ frame.html นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรเพื่อให้ Search Engine เก็บเว็บเพจหน้านี้ไว้ด้วยก็สามารถทำได้ หรืออาจใช้ Javascript เข้าช่วยดัง script ด้านล่างก็ทำได้
<SCRIPT LANGUAGE="JavaScript">
<!-- if (top == self) self.location.href = "http://www.frame.html"; // -->
</SCRIPT>

Splash Page ด้วย Flash หรือ ภาพ (Image)

หลายเว็บไซต์เริ่มต้นหน้าแรกของเว็บด้วย Flash Animation หรือ GIF Image โดยไม่มีเนื้อหาใดที่เป็นตัวหนังสือเพื่อบอกให้ Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีเนื้อหาหลักคืออะไร keyword ที่ใช้คืออะไร
นอกจากนั้น Search Engine เองก็ไม่สามารถเก็บ link ต่าง ๆ หรือเนื้อหาภายใน Flash ได้นั่นหมายความว่า เว็บเหล่านั้นพลาดโอกาสที่จะบอก Search Engine ว่า นอกจากหน้าแรกแล้ว ภายในเว็บของฉันยังมีข้อมูลที่น่้าสนใจอีกหลายหน้าที่สมควรได้รับการเก็บไว้ในสารบบของ Search Engine ทำใ้่้ห้เว็บบางเว็บมีหน้าเว็บที่แสดงอยู่บนผลค้นหาเพียงเว็บเพจเดียว ทั้งที่ จริงๆแล้ว เว็บนั้นๆมีหน้าเว็บเป็นสิบ ๆ หน้า
สำหรับหลายๆ เว็บไซต์ นอกจากสร้างเว็บหน้าแรก(Homepage) เป็น Splash Page แล้วยังใส่เทคนิคที่เรียกว่า Redirect หรือ ใส่คำสั่ง Refresh ลงไปซึ่งยิ่งทำให้มีปัญหากับ Search Engine เพราะการ ทำ Redirect นั้นหาก redirect ไปยังเว็บไซต์อื่น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการ Spam ทำให้ Search Engine มองว่าเป็นการโกงอันดับซึ่งอาจนำไปสู่การถูกถอดออกจาก Index หรือสารบบของ Search Engine(Banning)

ใช้ Flash ทุกหน้า

การใช้ ไฟล์ Flash เพื่อสร้างสีสันให้กับเว็บไซต์นั้น ดูจะเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ด้วยขนาดและความสวยงามกว่าเมื่อเทียบกับ Gif Animation จนบางเว็บไซต์ต้องการสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับเว็บของตนเองด้วยการสร้างเว็บไซต์ที่เป็น Flash ทั้งเว็บ แต่ในเชิงการทำให้ SEO แล้ว ดูจะเป็นสิ่งที่นักทำ SEO พยายามเลี่ยงที่จะไม่ใช้มันอย่างพร่ำเพรื่อ ด้วยเหตุผลที่กล่าวไว้ข้อก่อนหน้านั้นว่า Search Engine ไม่ยินดีที่จะเก็บ Flash File ไว้ในระบบเท่าใดนัก อีกประการหนึ่งคือยิ่งไฟล์ Flash ที่ใหญ่มากเท่าใดโอกาสที่ผู้ชมจะทนรอจนโหลดเสร็จ ผู้ชมก็คงเปลี่ยนไปดูเว็บอื่นแล้ว
ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บจึงถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับของ Search Engine หากเปรียบ search engine เหมือนผู้ชมเว็บไซต์ มันก็คงไม่อยากทนรอโหลดเว็บเป็นเวลานาน ๆ เช่นกัน

ใช้ Flash ในส่วนของ Navigation หรือ Menu

ในส่วน menu ของเว็บไซต์เป็นส่วนที่เหมือนสารบัญของหนังสือและจะเป็นตัวบอก Search Engine ได้ว่าเว็บนั้น ๆ มีลิ๊งก์สำคัญ ๆ อะไรบ้าง Search Engine ก็จะท่องเว็บนั้น ๆ ผ่านระบบ navigation ซึ่งเว็บนั้นๆได้ทำไว้ แต่มันจะไม่สามารถเดินตามลิี๊งก์ที่เว็บนั้นทำไว้ได้ หากระบบ Navigation หรือ Menu นั้นอยู่ในรูป Flash เพราะลิ๊งก์ของ Flash เก็บในรูปของ Flash Script ไม่ใช้ HTML Link ซึ่งสร้างปัญหาให้กับ Search Engine ในการท่องเว็บตามลิ๊งก์ ซึ่งอาจจะทำให้เว็บนั้นๆ ได้รับการ Index เพียงหน้าเดียวเท่านั้นคือ หน้าแรก และอาจส่งผลถึงอันดับในผลค้นหาของ Search Engine อีกด้วย
เห็นมั้ยล่ะครับว่า การสร้างและโปรโมทเว็บไซต์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการจูงใจให้คนเข้่าที่เว็บและัเอาใจ Search Engine เพื่อให้เว็บเรามีโอกาสได้อยู่ในสารบบของ Search Engine รวมทั้งสร้างโอกาสให้เว็บเราได้รับการค้นพบจากนักท่องเน็ตอีกด้วย

ที่มา http://www.thinkandclick.com/seo-tips/beautiful-website-no-seo.php