วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

การจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ไทย


สัญลักษณ์แบบใหม่

เริ่มใช้ตั้งแต่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์ใหม่ โดยเปลี่ยนสีของสัญลักษณ์จัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ ให้เหลือเพียง 3 สี คือ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง โดยยกเลิกการใช้สีฟ้า และสีชมพู และยกเลิกรายการประเภท  (รายการที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ) โดยเปลี่ยนรายการประเภท  แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ น 13+ และ น 18+ และยกเลิกรายการประเภท  (รายการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน) โดยมีการแบ่งความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์เป็น 6 ประเภท ดังนี้
รายการสำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-5 ปี)
มีสัญลักษณ์รูปจิ๊กซอว์ อยู่ในช่องสี่เหลี่ยมด้านซ้ายมือสีเขียว ด้านขวามือมีตัวอักษร "ป" 
รายการประเภทนี้ เป็นรายการที่ผลิตขึ้นสำหรับเด็กในวัย 3-5 ปี เช่น เจ้าขุนทอง
รายการสำหรับเด็ก (อายุ 6-12 ปี)
มีสัญลักษณ์รูปเด็กยิ้ม อยู่ในช่องสี่เหลี่ยมด้านซ้ายมือสีเขียว ด้านขวามือมีตัวอักษร "ด"
รายการประเภทนี้ เป็นรายการที่ผลิตขึ้นสำหรับเด็กในวัย 6-12 ปี เช่น โมเดิร์นไนน์การ์ตูน (ส่วนใหญ่)
รายการทั่วไป เหมาะกับผู้ชมทุกวัย
มีรูปบ้านสีขาวอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมสีเขียวซ้ายมือ ด้านขวามีอักษร "ท" และมีคำว่า "ทุกวัย" อยู่ด้านล่าง
รายการประเภทนี้ เป็นรายการทั่วไป สามารถรับชมได้ทุกวัย เป็นรายการที่ไม่มีเนื้อหาที่แสดงถึงความรุนแรง หรือเนื้อหาที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม เช่น ละครจักร ๆ วงศ์ ๆ รายการบางเรื่อง เช่นเกมวัดดวง ยกสยาม ทีน พลัส โชว์ ทูไนท์โชว์ ปลดหนี้ หลานปู่ กู้อีจู้ แจกแหลก9มิลลิเมตร ทีวีพูลรอบโลก เป็นต้น
รายการที่เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป
มีเครื่องหมายถูก และเครื่องหมายผิด (กากบาท) อยู่ในช่องสี่เหลี่ยมสีเหลืองด้านซ้ายมือ ด้านขวามีตัวอักษร "น" และด้านล่างมีตัวเลข "๑๓ (เลข 13 ไทย) " และเครื่องหมายบวก
รายการประเภทนี้ เป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป เป็นรายการที่อาจมีภาพ เสียง หรือเนื้อหา ที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่า 13 ปี ควรได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ ไม่ควรรับชมรายการประเภทนี้ตามลำพัง เช่น การ์ตูนบางเรื่อง ละครโทรทัศน์บางเรื่อง รายการ คันปาก ชิงร้อยชิงล้าน คดีเด็ด จ้อจี้ คนอวดผี เจาะเกาะติด ทีวีพูลไลฟ์ ทีวีพูลทูไนท์ เป็นต้น
รายการที่เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
มีเครื่องหมายถูก และเครื่องหมายผิด (กากบาท) อยู่ในช่องสี่เหลี่ยมด้านซ้ายมือ เช่นเดียวกับรายการประเภท น ๑๓+ แต่ด้านขวามือมีตัวอักษร "น" และตัวเลข "๑๘ (เลข 18 ไทย) " และเครื่องหมายบวก
รายการประเภทนี้ เป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นรายการที่อาจมีภาพ เสียง หรือเนื้อหา ที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง เพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ จึงไม่ควรรับชมรายการประเภทนี้ตามลำพัง เช่น รายการ นาทีฉุกเฉิน ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ คลื่นแทรกคลื่นแซบ ล้วงลับตับแตก เรื่องจริงผ่านจอ ละครโทรทัศน์ บางเรื่อง และภาพยนตร์ที่ซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เป็นต้น
รายการเฉพาะ ไม่เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชน
มีเครื่องหมายฟ้าผ่า อยู่ในช่องสี่เหลี่ยมสีแดงด้านซ้ายมือ ด้านขวามีตัวอักษร "ฉ" ด้านบน ด้านล่าง มีข้อความว่า "เฉพาะผู้ใหญ่"
รายการประเภทนี้ เป็นรายการเฉพาะผู้ใหญ่ อาจมีภาพ เสียง หรือเนื้อหา ที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง เพศ และการใช้ภาษา ซึ่งเมื่อเปิดเจอรายการที่เป็นลักษณะนี้แล้ว จึงไม่ควรให้เด็กและเยาวชนชมเพราะรายการเหล่านี้จะมีเนื้อหาที่อันตรายอย่างชัดเจน ซึ่งจะมีภาพที่ใช้ความก้าวร้าว รุนแรง น่ากลัว สะเทือนใจ มีผลกระทบทางจิตใจ หรือลักษณะที่ไม่เหมาะสม และอาจมีภาพที่มักจะเกี่ยวกับบางสิ่งที่เด็กไม่ควรเลียนแบบ เพื่อป้องกันการเลียนแบบของเด็ก ๆ ในรายการนั้นๆ เช่น รายการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน รายการที่เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ และภาพยนตร์ที่ซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เป็นต้น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีกำจัดไวรัสแบบให้ผลลัพธ์ดีที่สุด


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการตรวจสอบไวรัส


ถ้าคุณมีโปรแกรมกำจัดไวรัสติดตั้งอยู่แล้ว และมีการอัปเดทโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ แถมยังมีการตั้งเวลาในการตรวจสอบไวรัสแบบอัตโนมัติ ขนาดทำอย่างนี้แล้ว ทำไมยังติดไวรัสอยู่อีก ไม่ใช่เรื่องแปลกครับไม่ว่าองค์กรขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ก็สามารถติดไวรัสได้ง่าย เพราะถ้าไม่มีการป้องกันช่องทางต่างๆในการแพร่ของไวรัส โดยเฉพาะกับ Flash Drive หรือ Share Driveในระบบเครือข่ายแล้วอย่างนี้ จะป้องกันหรือลดปัญหาไวรัสได้อย่างไร

วิธีตรวจสอบไวรัสที่ (น่า)ดีที่สุด

โดยปกติแล้ว ถ้าคอมพิวเตอร์ของเราติดไวรัสแล้ว โอกาสที่จะสั่งให้โปรแกรมตรวจสอบและกำจัดให้ 100% นั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะกับไวรัสที่มีการฝังและรันโปรแกรมในส่วนที่เราเรียกว่า "Process" แล้ว จะกำจัดได้ยากมากยิ่งขึ้น สาเหตเพราะ ไวรัสได้รันตัวเองอยู่แล้วซึ่งการลบไวรัสประเภทนี้ทำได้ยาก

ดังนั้นวิธีการที่ถูกต้องคือ ต้อง Stop Process หรือหยุดการทำงานของไวรัสก่อน จากนั้นจึงค่อยสั่งตรวจสอบและกำจัดไวรัส ซึ่งสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป คงเป็นการยากที่จะเดาว่า "Process" ไหนเป็นไวรัส ดังนั้น วิธีการต่อไปนี้ เป็นวิธีการที่ค่อนข้างง่าย และสามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆ คน นั่นคือ


การสั่ง Scan Virus ในส่วนของ Safe Mode (Windows Safe Mode) ซึ่งในโหมดนี้จะไม่มีการสั่งทำงานโปรแกรมใดๆ (ส่วนน้อยที่ทำงาน) ดังนั้น ในส่วนของไวรัส ก็อาจยังไม่ได้ทำงาน จึ่งทำให้การสั่งตรวจสอบ และกำจัดไวรัสในโหมดนี้ ทำได้ค่อนข้งสมบูรณ์กว่าปกติ


น่าเสียดาย โปรแกรมกำจัดไวรัสหลายตัว ไม่สามารถทำงานได้ใน Safe Mode ดังนั้น จึงแนะนำให้คุณ download โปรแกรมประเภท Virus Remove Tool มาใช้แทน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ผลเป็นทีประทับใจมากพอสมควร


ที่มาhttp://www.it-guides.com/antivirus-a-security/virus-tips-news/977-best-way-to-scan-virus

10 สิ่งที่ควรทำเมื่อคุณขับรถชน



1. หยุดรถ
ให้หยุดรถทันที แม้ว่าจะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยเพียงใด
อย่าเลื่อนรถจนกว่าจะตกลงกันได้ว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากสาเหตุใด และใครเป็นคนผิด
หรือถ้าจะให้ดีควรรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตีเส้นอุบัติเหตุก่อน แล้วจึงค่อยเลื่อนรถ
เว้นแต่จะเกิดอุบัติเหตุในที่เปลี่ยว ในกรณีนี้ให้คุณจดเลขทะเบียนรถคู่กรณี สี ยี่ห้อ ตำหนิ
เวลาและสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ แล้วขับต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงที่ชุมชน หรือพบตำรวจ
อย่าจอดรถในที่เกิดเหตุเป็นอันขาด เพราะเคยมีเหตุการเจ้าของรถถูกจี้ หรือถูกทำร้ายบ่อยๆ
เมื่อลงจากรถ หลังเกิดเหตุในที่เปลี่ยว

2. อย่าพูดพล่อย
การขอโทษของคุณ อาจจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายอ้างขึ้นมาว่า คุณยอมรับเป็นฝ่ายผิด
อีกทั้งไม่ควรกล่าวโทษอีกฝ่าย เพราะคุณยังไม่รู้ท่าทีของอีกฝ่าย
การกล่าวโทษ อาจทำให้เหตุการเลวร้ายลงไปอีก จำไว้เสมอว่า คุณไม่มีอำนาจในการตัดสินว่าใครผิดใครถูก
แม้แต่เวลาที่คุณคิดว่า คุณเป็นฝ่ายผิด คุณอาจจะไม่ผิดอย่างที่คิดก็ได้

3.ให้ข้อมูล
ให้คุณให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณ ชื่อ- ที่อยู่เลขทะเบียนรถ และ ชื่อประกันที่คุณ มีแก่คู่กรณี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

4. หาข้อมูล
หลังจากคุณให้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นแล้ว คุณควรขอข้อมูลจากคู่กรณีด้วยเช่นเดียวกัน
หากอีกฝ่ายไม่ให้ ก็ให้คุณจดเลขทะเบียน รูปพรรณของรถเอาไว้
อย่า !พยายามยึดใบขับขี่ของคู่กรณี เพราะคุณอาจโดนข้อหาลักทรัพย์

5. แจ้งตำรวจ หลังเกิดเหตุ
คุณควรแจ้งตำรวจทุกครั้ง แม้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย หรืออีกฝ่ายยอมรับผิดก็ตาม
เพราะมิฉะนั้นแล้ว หากอีกฝ่ายแจ้งความในภายหลัง เจ้าหน้าที่จะสรุปว่าคุณหลบหนี
และคุณจะเป็นฝ่ายผิดทุกกรณี
หากเจ้าหน้าที่ยังไม่มาให้คุณไปแจ้งความยังสถานีตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูที่เกิดเหตุ และตีเส้นตำแหน่งรถ
อย่าเลื่อนรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง
หากไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ให้คุณทำหนังสือยืนยันเหตุการที่เกิดขึ้นไว้เป็นหลักฐาน
โดยลงชื่อยืนยันไว้ทั้ง 2 ฝ่าย อย่าหลงเชื่อคู่กรณี หากบอกว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจ
เพราะอีกฝ่ายอาจปฏิเสธความรับผิดชอบในภายหลัง
ในกรณีนี้ หากคุณไม่มีเจ้าหน้าที่เป็นพยานหรือหนังสือยืนยัน ตามกฏหมายจะถึงว่า คำพูดของคุณอ่อนหลักฐาน

6. หาพยาน
โดยสอบถามจากคนบริเวณที่เกิดเหตุ อาจเป็นคนเดินถนน หรือรถคันข้าง ๆหากเขายินยอมเป็นพยาน
ให้คุณจดชื่อ-ที่อยู่เพื่อติดต่อเอาไว้ เพื่อในกรณีเหตุที่ซับซ้อน เช่น
คุณกำลังเข้าถนน 4 เลน รถ 2 เลนแรกหยุดให้คุณแล้ว แต่คุณชนรถในเลนที่ 3
ในกรณีนี้ คุณอาจเป็นฝ่ายผิดหากไม่สามารถหาพยานมายืนยันได้

7.ไปโรงพยาบาล
หากคุณสงสัยว่าได้รับบาดเจ็บ ควรไปพอแพทย์เพื่อตรวจ
หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายและการเรียกร้องค่าเสียหายใน ภายหลังจะยากขึ้นด้วย

8. แจ้งความ
ในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จะต้องไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ทันที
แม้กฏหมายจะผ่อนปรนให้แจ้งความใน 6 เดือน เพราะบริษัทประกันส่วนใหญ่ไม่รับรองใบแจ้งความย้อนหลัง

9. ตกลงเงื่อนไข การจ่ายค่าเสียหาย
เรียกเจ้าหน้าที่ประกันภัยมาทันที ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถแนะนำคุณได้ว่า
ควรให้บริษัทชดใช้ หรือคุณควรจ่ายเอง เพราะเบี้ยประกันของคุณอาจเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20
หากค่าชดใช้นั้นเกินกว่าเบี้ยประกัน ร้อยละ 200 (ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน)
หากต้องชดใช้ 2,100 บาท ค่าเบี้ยประกันของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,200 บาท
คุณอาจจะประหยัดได้มากกว่า หากจ่ายเงินชดใช้ 2,100 บาทเอง

10. อย่ารีบรอมชอม
หลังอุบัติเหตุ หากอีกฝ่ายยอมรับเป็นฝ่ายผิด และคุณสงสัยว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บ
อย่าเพิ่งรีบรับข้อเสนอให้ยอมความ เพราะการบาดเจ็บของคุณ อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก
กว่าจะรู้ว่าอาการของคุณรุนแรงเพียงใด หากคุณยอมความไปแล้ว
การเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม จะทำได้ยากขึ้น
แต่ถ้าคุณไม่ได้รับบาดเจ็บ และข้อเสนออีกฝ่ายเป็นที่น่าพอใจ ก็ให้คุณยอมความได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น จากสถิติอุบัติเหตุ ร้อยละ 70 เกิดจากความประมาท
การระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำแนะนำทั้ง 10 จะเป็นการดีที่สุด


Google เปิดบริการใหม่ ให้คุณสั่งเสียก่อนตาย !?




เชื่อว่าหลายท่านอาจจะไม่เคยนึกเรื่องเกี่ยวกับความตาย โดยเฉพาะยิ่งเป็นเรื่องของตัวเราเอง แต่เคยคิดบ้างมั้ยว่า หากคุณไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ข้อมูลต่างๆ ของคุณบนโลกอินเตอร์เน็ต ที่คุณอาจไม่ได้บอก Password หรือรหัสผ่านกับใครไว้ ข้อมูลเหล่านั้นอาจจะไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป และยิ่งถ้าหากว่าข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลสำคัญที่ผูกอยู่กับบัญชีต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต ญาติพี่น้องของคุณจะไม่สามารถเข้าใช้ได้เลย 

แต่ล่าสุดทาง Google ได้เปิดบริการใหม่ชื่อว่า Inactive Account Manager เพื่อให้คุณจัดการบัญชีของบริการจาก Google ทั้งหมดของคุณ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งให้ระบบลบข้อมูลทุกอย่างของคุณ หากบัญชีนั้นไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 3, 6 หรือ 12 เดือน แต่ถ้าหากว่าคุณยังไม่ตาย แต่เกิดติดธุระจนไม่สามารถใช้งานบัญชีนั้นๆ ในระยะเวลาตามที่ตั้งไว้ และกลัวว่า Google จะลบข้อมูลของคุณไปซะหมด ก็ไม่ต้องกลัวครับ ก่อนที่ Google จะจัดการลบบัญชีของคุณนั้น ระบบจะมีการแจ้งเตือนทาง SMS หรืออีเมล ก่อนว่าจะจัดการบัญชีคุณแล้วนะ (แต่ถ้าคุณไม่เห็นการแจ้งเตือนที่ว่า ก็ตัวใครตัวมันนะครับ ^^) 

นอกจากคุณจะสามารถตั้งให้ระบบลบข้อมูลของคุณได้แล้ว คุณยังสามารถเลือกบุคคลที่คุณไว้ใจ หรือผู้ที่คุณต้องการให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้หลังจากที่คุณไม่อยู่แล้ว เพื่อให้เขาผู้นั้นได้จัดการข้อมูลของคุณก็ได้เช่นกัน 

ใครสนใจบริการ Inactive Account Manager สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ ^^
https://www.google.com/settings/u/1/account/inactive 

 
ที่มาhttp://www.fwdder.com/topic/407014